จากกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูใน จ.สกลนคร ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ จ.นครพนม แต่ภายหลังมีหลักฐานใหม่เชื่อได้ว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิดตัวจริง จนศาลจังหวัดนครพนมมีคำสั่งไต่สวนคดีนี้อีกครั้งนั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็พบว่า ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาระบุว่า มีหลักฐานใหม่ ที่ทำให้เชื่อว่า มีการจ้างวานให้สวมหลักฐานว่า มีผู้อื่นเป็นคนชนแทนครู และครูเป็นผู้ว่าจ้าง พร้อมกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการระบุว่า หลักฐานในการตัดสินที่ผ่านมานั้นถูกต้อง หากมีการใส่ร้ายให้การเท็จก็จะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 ม.ค.) พนักงานสอบสวนเดินทางสอบปากคำนางแพงสี พ่อบำรุง ลูกสาวของนายเหลือ พ่อบำรุง ที่ถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตเมื่อปี 2548 ที่บ้านพระซอง ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เพื่อสอบถามว่าเงินที่ได้รับจากคดีแพ่งเป็นเงินของใคร และเคยได้รับเงินจากนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ที่ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดในคดีดังกล่าวหรือไม่
โดยนางแพงสี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2556 กลุ่มเพื่อนของนางจอมทรัพย์ได้มาพบที่บ้าน เพื่อนัดจ่ายเงินจำนวน 150,000 บาท พร้อมกับทำหนังสือบันทึกข้อความฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ครอบครัวลงนามยินยอมว่าจะไม่ดำเนินคดีกับนายสับ วาปี ที่กลุ่มเพื่อนครูระบุว่าเป็นคนขับรถชนนายเหลือ โดยบันทึกข้อความเขียนว่า
“เรื่อง บันทึกของฝ่ายผู้ตายไม่ติดใจเอาความดำเนินคดี ในกรณีขับรถชนคนตาย ข้าพเจ้านางแพงสี พ่อบำรุง นายประกิต มาระนอ บุตรเขย นายทรัพย์ทวี พ่อบำรุง น้องชาย ข้าพเจ้าและพวกที่กล่าวนามมานี้ ไม่ขอติดใจเอาความดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้เลิกแล้วต่อกัน และขออโหสิกรรมเลิกแล้วต่อกัน จึงขอให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน หมายเหตุ นัดวันชดเชยเยียวยาผู้เสียหายวันที่ 2 ธ.ค.2556 ที่ สภ.เรณูนคร เป็นเงิน 150,000 บาทถ้วน” และบันทึกนี้มีผู้ใหญ่บ้านบ้านพระซองลงชื่อเป็นพยาน แต่เมื่อถึงวันนัดจ่ายเงิน คือวันที่ 2 ธ.ค.2556 กลับไม่มีใครนำเงินมาจ่ายตามที่เขียนบันทึกไว้
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2557 ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลย คือ นางจอมทรัพย์ จ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 170,000 บาท ซึ่งนางแพงสี ระบุ ในวันเดียวกันนั้น นายสับ วาปี เป็นผู้นำเงินชดเชยมามอบให้ที่ศาลจังหวัดนครพนม “นายสับถือเงิน 170,000 บาท เข้ามาจ่ายให้ในห้องที่ศาลเลย” นางแพงสีกล่าว
ก่อนหน้านี้ กลุ่มเพื่อนครูอ้างว่าได้พยายามรวบรวมหลักฐานด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2556 ทั้งการติดตามหารถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ซึ่งพยานระบุว่าเป็นรถคันที่ก่อเหตุ รวมทั้งการให้นายสับจ่ายเงินให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต จนนำไปสู่การยื่นเรื่องเพื่อขอรื้อฟื้นคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ซึ่งเป็นวันที่นางจอมทรัพย์เดินทางไปศาลจังหวัดนครพนมตามที่ศาลนัดไต่สวนรื้อคดี นางจอมทรัพย์ยังไม่ได้กลับบ้านพักที่บ้านม่วงไข่ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพบว่าบ้านปิดไว้แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจ เพื่อนบ้านคาดว่านางจอมทรัพย์ อาจจะเดินทางไปร่วมงานศพญาติที่ จ.กาฬสินธุ์
ที่มา : ไทยพีบีเอส ข่าวสด