จากกรณี รถพยาบาลเฉี่ยวชนกับรถกระบะคู่กรณีจนไปรับผู้ป่วยไม่ทัน และผู้ป่วยเสียชีวิตนั้น ข่าวสดเฉพาะกิจ ได้เดินทางไปพูดคุยกับทีมเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ โดยน.ส.ลัลดา ไพรดี พยาบาลประจำแผนกฉุกเฉินพยาบาล เปิดเผยว่า จากการประเมินอาการ ที่ได้รับแจ้ง พบว่า ผู้ป่วยเป็นคนไข้โรคหัวใจ ญาติเรียกไม่รู้สึกตัว และได้โทรศัพท์พูดคุยอาการก่อนไปถึง ทราบว่า ญาติได้ทำการซีพีอาร์ (ปั๊มหัวใจ) เพื่อช่วยเหลือชีวิต
ด้านนายณัชพล สาคร ผู้ขับรถพยาบาลฉุกเฉิน กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุ วันที่ 18 ม.ค. เวลา 12.55 น. ได้รับแจ้งให้ออกเหตุไปรับผู้ป่วย จึงออกไปพร้อมทีมงาน ขับไปตามเส้นกาญจนภิเษก กลับรถวัดลาดปลาดุก เพื่อเข้าซอยวัดลาดปลาดุก เพื่อไปที่บ้านผู้ป่วยบางบัวทองซอย 18 ก่อนที่จะมีเหตุการณ์เฉี่ยวชนเกิดขึ้นก่อน ทั้งนี้ หลังจากรับภารกิจมา เราต้องไปถึงผู้ป่วยให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องใช้ดุลพินิจในการขับรถอยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ขณะที่เกิดเหตุก็ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ระมัดระวัง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งตอนลงยูเทริน์น่าจะใช้ความเร็วประมาณ 90-100 เป็นช่วงที่ไม่สามารถใช้ความเร็วได้
“สถานการณ์ตอนนั้น ผมพยายามเลี่ยงเต็ม 100% แล้ว แต่ไม่พ้นจริงๆ หากไม่เลี่ยงก็จะสูญเสียมากกว่านี้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น การตัดสินใจผิดพลาดกันนิดเดียว รถคู่กรณีมาทางด้านหน้า ผมมาทางด้านหลัง แต่มาอีกเลนหนึ่ง เพื่อที่จะไปแทรกเข้าทางด้านหน้า ซึ่งตอนแรกผมดูจากลักษณะแล้วผมสามารถไปได้โดยไม่มีการชน แต่คู่กรณีตัดสินใจเบี่ยงหัวรถออกมา ในเส้นทางที่ผมกำลังจะไป พอมองกระจกหลังเห็นเลยหักหลบ เพื่อให้ทัน แต่ท้ายหลบไม่ทัน ลักษณะรอยชน เป็นการครูดของสีเฉยๆ เป็นกันชนหลังของรถฉุกเฉินเบียดกับด้านหน้าของคู่กรณี”นายณัชพล กล่าว
นายณัชพล กล่าวว่า เบื้องต้น ผมลงไป และคุยว่าถึงรอยเฉี่ยว ซึ่งลุงได้บอกว่า มีรอยเฉี่ยวอยู่ ตนจึงบอกให้ลุงไปรอที่โรงพยาบาลบางบัวทอง เพราะมีผู้ป่วยต้องไปรับ แต่เมื่อลุงยืนยันว่า ต้องรอประกัน จึงบอกพยาบาลให้ติดต่อศูนย์พระนั่งเกล้าให้ติดต่อรถคันอื่นไปรับผู้ป่วยแทน หลังจากเกิดเหตุพยาบาลก็ได้โทรศัพท์แจ้งศูนย์ให้ใช้รถคันอื่นไปรับแทน โดยระยะเวลาหลังจากชน แล้วลงไปพูดคุยกับคู่กรณีนั้นประมาณ 3 นาที ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อคู่กรณียืนยันว่า จะต้องรอประกัน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงให้พยาบาลโทรแจ้งให้รถคันใหม่ไปรับ ซึ่ง รพ.บางใหญ่ เป็นผู้ออกไปรับเคสต่อ แต่ยืนยันว่า ผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนที่รถพยาบาลไปถึง
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรหลังจากทราบว่าเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น นายรัชพล กล่าวว่า ผมคิดอะไรไม่ออกในชั่วโมงนั้น คิดเรื่องถูกผิด กลัวไปหลายอย่าง ในการปฏิบัติหน้าที่มา 5 ปี นี่ คือ รายแรกที่ไปรับไม่ทันและผู้ป่วยเสียชีวิต ด้วยหน้าที่ของผม ที่ต้องไปรับผู้ป่วยแต่ต้องเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้รู้สึกเสียใจมาก
ด้านน.ส.อำภา สุวรรณปรากาน เจ้าพนักงานสาธารณสุข กล่าวว่า ทำหน้าที่นี้มา 10 ปี แล้ว ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ไปรับผู้ป่วยไม่ทันจนเสียชีวิต แต่อุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กน้อยก็มีบ้าง ก็รู้สึกเสียใจที่ทำหน้าที่บกพร่อง
นพ.ประพุทธ ลีลาพฤทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลบางบัวทอง กล่าวว่า ต้องขอความกรุณาจากผู้ใช้รถใช้ถนน หากเราเปิดไซเรนแปลว่าเราทำงานอยู่แน่นอน อยากให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราไปถึงโรงพยาบาลโดยเร็ว เพราะชีวิตทุกคนมีค่า ส่วนหากเกิดอุบัติเหตุ รถมีชื่อโรงพยาบาล มีที่อยู่ เจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราสามารถมาคุยกันได้ โรงพยาบาลก็ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ หากไปดูแลผู้ป่วยวิกฤติได้ทันได้เร็วขึ้น อาจทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลง รอด หรือ ไม่ต้องพิการ ความเสียหายเล็กน้อยเราสามารถตกลงกันได้ เพื่อชีวิตคนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ หากเป็นอุบัติเหตุไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราสามารถคุยกันได้อยู่แล้ว