หลังนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เดินทางเข้ามาบช.ปส. เพื่อให้ปากคำเพื่อชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่อพล.ต.ต.พรชัย กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นร้านเเอเรีย 51 อาคารธนดลแมนชั่น ภายใน ซ.อินทามระ 51 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นหนึ่งใน 39 เป้าหมายตรวจค้นตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 60/2 เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งนายอัครกิตติ์ถูกอายัดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ ยี่ห้อลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท จักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อเคทีเอ็ม สีส้ม-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, จักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ติดแผ่นทะเบียน และอาวุธปืน 2 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืน 3 ปลอก โดยนายอัครกิตติ์เข้าให้ถ้อยคำกับตำรวจนานถึง 6 ชั่วโมง
พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส. กล่าวถึงคำให้การของนายอัครกิตติ์ว่า ในวันนี้ทางนายเบนซ์ให้การที่เป็นประโยชน์ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่จะนำคำให้การที่ได้สอบปากคำในวันนี้ นำไปเทียบเคียงกับแนวทางการสืบสวน เช่นบัญชีธนาคาร เส้นทางการเงินต่างๆ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลา แม้เบนซ์จะยืนยันว่าไม่รู้จักนายไซซะนะ แต่ต้องทำความเข้าใจว่าเครือข่ายยาเสพติดมีขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องหาความเชื่อมโยงทั้งหมด ในส่วนบุคคล ทรัพย์สิน แต่ขณะนี้ไม่พบว่าเบนซ์ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำนายเบนซ์ให้การถึงที่มาของรถลัมโบกีนี่ว่า ได้ยืมเงินสดจากนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เป็นเงิน 6 ล้านบาท เพื่อนำไปดาวน์รถ ภายหลังได้ใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนไปแล้วบางส่วน ซึ่งความสัมพันธ์ของนายบอยและเบนซ์ สนิทกันเพราะว่าชอบเรื่องความเร็ว และการแต่งรถ โดยที่นายเบนซ์ให้การว่าไม่รู้ว่านายบอยมีเบื้องหลังเป็นอย่างไร ทั้งนี้ในส่วนบัญชีเงินฝากที่มีเงินจำนวน 3 แสนบาทที่นายบอยโอนเงินเข้าบัญชีร้านแอเรีย 51 ทุกเดือนนั้น ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยประสานไปทางปปง เพื่อตรวจสอบเส้นทางเงินทั้งหมด เช่นเดียวกับกรณีอาวุธปืน แม้จะอ้างว่ามีใบครอบครองอาวุธ ก็ต้องไปตรวจสอบที่มาว่าได้มาอย่างไร
ในส่วนกรณีรถบิ๊กไบค์สองคัน ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดนั้น นายเบนซ์ได้ให้การถึงที่มาว่า เป็นคนชอบซื้อรถประเภทบิ๊กไบค์ โดยซื้อมาขายไป แต่ในส่วนนี้ไม่ปรากฏว่าเกี่ยวโยงกับนายบอย ในส่วนของพฤติกรรมการสับทะเบียน นายเบนซ์ ให้การว่า ชื่นชอบในเลข 51 ซึ่งเป็นเลขทะเบียน กจ 51 กทม. โดยปกติเวลาขายรถยนต์จะขายเฉพาะตัวรถ แต่จะเก็บทะเบียนไว้ เพื่อนำมาติดในรถคันใหม่ ซึ่งในกรณีนี้นายเบนซ์ให้การว่าทางกรมการขนส่งยังไม่ได้อนุมัติ แต่เจ้าตัวคิดว่าทางขนส่งน่าจะอนุมัติจึงนำมาติดเองไว้ก่อน อย่างไรก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามพรบ.จราจร