จากกรณีแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/2 ของตำรวจ ปส. นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ลุยค้น 40 จุด ทั่วประเทศเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 ม.ค. คาสนามบินสุวรรณภูมิ โดย 1 ในนั้นมีแอเรีย 51 ธนดลแมนชั่น ย่านอินทามระ ร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นักแข่งรถจักรยานยนต์ สามี แพท-ณปภา ตันตระกูล ดาราสาวและพิธีกรชื่อดัง หลังถูกซัดทอดมีหน้าที่ฟอกเงินให้เครือข่าย ก่อนที่นายอัครกิตติ์เดินทางพร้อมทนายความนำหลักฐานเอกสารบางส่วนเข้าชี้แจงกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มาที่ไปของทรัพย์สินหลายรายการ โดยเฉพาะรถยนต์หรู ยี่ห้อลัมโบร์กินี กัลลาโด รุ่นย่อย SuperLeggera LP 570-4 สีเทา-ดำ ที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ที่ตำรวจสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากท้าวไซะซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่บช.ปส. รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำมารวมเพิ่มเติมกับสำนวนคดีหลักฐานที่ได้จากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและหลักฐานที่มีอยู่เดิมก่อนหน้านี้ เพื่อใช้ในการพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นเจ้าของรถที่แท้จริงคันดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายไผ่ ลิกค์ หรือ ไผ่ วันผอยท์ นายณัฐวัฒน์ ห่วงมณี หรือ เอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถบูโน่ ออโต้ คลินิก ย่านพระราม 3 และนายเจ๋ง วันผอยท์ ในฐานะพยานไปก่อนหน้านี้พบว่าทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด โดยทั้งหมดทำหน้าที่เป็นเพียงแค่นายหน้าขายรถเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมุ่งไปที่ประเด็นการตรวจสอบที่ไปที่มาของของเงินจำนวน 6 ล้านบาท ที่ใช้ในการซื้อรถคันดังกล่าว หลังนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อ้างว่าเป็นเงินที่ยืมมาจากนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ซึ่งยังคงมีข้อเคลือบแคลงและข้อสงสัยในบางประเด็น
โดยเฉพาะกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่านายณัฐพลได้โอนเงินเข้าสู่บัญชีของร้าน Area 51 ซึ่งเป็นร้านแต่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของนายอัครกิตติ์ ในจำนวนเงิน 3 แสนบาทเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่นายณัฐพล โอนให้กับนายอัครกิตติ์ เพื่อใช้ในการผ่อนรถคันดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่ใช้ในการผ่อนรถลัมโบร์กินีคันดังกล่าวแต่ละเดือน
ส่วนกรณีที่จะมีการเชิญตัวนายอัครกิตติ์ มาพบอีกหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการรอเอกสารข้อมูลหลักฐานจากทางหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตอบกลับมา ถึงจะสามารถระบุได้ว่าจะเชิญตัวนายอัครกิตติ์เข้ามาพบทางตำรวจเมื่อใด หากพบว่านายอัครกิตติ์มีส่วนในการกระทำความผิด เกี่ยวกับการถือครองทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดจริง ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่รถลัมโบกินี่ของกลางคันดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง และเป็นรถมือสองเคยผ่านการครอบครองมาแล้ว 3 คน โดยเจ้าของคนแรกอยู่ที่จ.สงขลา ก่อนจะเปลี่ยนผู้ครอบครองเป็นบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งใน กทม. และจอดขายอยู่ที่เต็นท์รถบูโน่ ออโต้ คลีนิค ย่านพระราม 3 ก่อนจะมาอยู่ที่นายอัครกิตติ์ดังกล่าว