ขึ้นแท่นเป็นคุณแม่ลูกสองอย่างเต็มตัว สำหรับพิธีกรสาวสวย “นุ้ย สุจิรา” ที่ตอนนี้กำลังอุ้มท้องลูกชายวัย 5 เดือน แม่นุ้ยได้เเล่าว่าเคยเกิดภาวะแท้งคุกคามในช่วงที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ โดยการมีเลือดไหลออกมา จนทำให้ต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายอาทิตย์
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า เราไม่มีอะไรกับสามีมานาน?
“คือเอาจริงๆ ถ้าเราพูดถึงเรื่องคนในครอบครัว ถ้าเราพูดจริงจังมันก็จะดูแบบ...ยังไงไม่รู้ นุ้ยเป็นคนไม่เอาเรื่องครอบครัวมาพูดอยู่แล้ว แต่ในรายการเรามีการพูดกัน หยอกกัน แซวกัน แต่เผอิญที่เขียนออกมากลายเป็นว่านุ้ยไปพูดคุยจริงจัง ภาษาเขียนมันแล้วแต่อารมณ์คนอ่าน แต่ถ้าดูเราก็จะเห็นอารมณ์ที่เราพูด มันเลยอาจทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดได้ว่าครอบครัวนี้มีความร้าวฉานกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอเป็นคนแบบนี้ ไม่ดูแลสามีเลย แต่คนที่มีครอบครัวแล้วจะเข้าใจ ยิ่งคนมีลูกแล้วทุกอย่างก็จะไปโฟกัสที่ลูก คือเราสร้างครอบครัวเนอะ มีลูกแล้วก็ต้องทำงานมากขึ้น ตัวนุ้ยเองได้ดูแลลูกเต็มเวลา มีเวลาไปทำงานด้วย เรื่องนั้นเลยเป็นเรื่องรองไป ไม่ใช่เราไม่รักกัน ไม่ใช่เราเบื่อกันแล้ว ไม่ใช่เราผิดใจกัน แต่เพียงแต่มันคือเรื่องอัตโนมัติที่พ่อแม่มือใหม่ทุกคนจะพุ่งไปที่ลูก และพอรดาขวบนึงเราก็เริ่มวางแผนกันเรื่องลูกคนที่สองจะมีไหม คุณหมอก็แนะนำว่าถ้าจะมีและอยากได้เพศชายก็ต้องเก็บตัวนะสำหรับคุณพ่อ ต้องเก็บไว้นานๆ ค่อยลุยทีเดียว แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของทั้งคู่ตอนนั้นเลยทำให้เวลาล่วงเลยมา”
“คือในขณะนั้นจะให้เรามานั่งเล่าเป็นจริงเป็นจังมันก็ไม่ใช่ มันเป็นการแซวกันเล่นๆ ว่าสองปีไม่ต้องมีหรอกนู้นนี่นั้น เลี้ยงลูกสองปีก็เหนื่อยแล้ว มันจะเป็นประมาณนั้น แต่ใจจริงเราอยากจะสื่อว่าเราสองคนทุ่มเทไปให้ลูกมากกว่าจะมานั่งคิดเรื่องนั้น และถ้าพูดถึงการเตรียมตัวคุณหมอก็บอกแล้วว่าเราต้องเก็บตัวนะเพื่อวันนั้นวันเดียว”
“จะให้เรามานั่งเล่าว่าเราก็มีอะไรกันทุกๆ อาทิตย์ค่ะ มันจะใช่เหรอ มันก็ไม่ควรพูดไหมอ่ะ มันเป็นเรื่องในบ้าน ในผ้าห่ม ก็ไม่จำเป็นต้องมาบอกใครว่าฉันจะมีกิจกรรมอะไร บ่อยแค่ไหน แต่แค่ตอนนั้นเราแซวกัน หยอกกันเล่นๆ พี่อำพิธีกร เป็นการแซวกันเล่นมากกว่า แต่พอมาเขียนเป็นข่าวเลยดูจริงจัง คนเลยเข้าใจผิด นึกว่าครอบครัวพี่ใกล้จะล่มสลายแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ใช่หรอกค่ะ มันเป็นการคุยกันของสองคน”
ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้ว?
“ตอนนี้อายุครรภ์ประมาณ 21 สัปดาห์ หรือประมาณ 5 เดือนค่ะ ตอนแรกที่รู้ว่ากำลังตั้งท้องคือวันนั้นเป็นวันที่นัดหมอทำคลอดเพื่อกำหนดวางแผนครอบครัวช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มันจะครบประมาณปีครึ่งของอายุรดาพอดี คุณหมอจะแผนว่าให้หนึ่งปีมาเจอกันที และเราจะเริ่มมาวางแผนว่าจะมีลูกคนที่สองไหม จะมียังไง ช่วงไหนดี เตรียมตัวยังไง และพอหนึ่งปีหกเดือนก็จะต้องมาให้คำตอบคุณหมอแล้วว่าจะท้องไหม หรือจะไม่ท้อง แต่บังเอิญวันนั้นที่จะไปนึกยังไงก็ไม่รู้ เราเตรียมการมาตั้งแต่ตอนที่หาคุณหมอมาปีนึงอยู่แล้ว เราเลยลองดูเป็นวิธีธรรมชาติกันเอง แต่วันที่จะไปหาคุณหมอเรารู้สึกว่าทำไมประจำเดือนมันขาดนานจัง เลยลองเช็คดูด้วยการตรวจปัสสาวะ ปรากฏว่ามันขึ้นสองขีด เราก็ตกใจ ไม่แน่ใจ และวันรุ่งขึ้นที่ต้องไปหาคุณหมอพอดี เราก็เลยบอกคุณหมอว่าตรวจมาขึ้นสองขีด คุณหมอเลยให้อัลตร้าซาวด์ดู และเห็นเป็นถุงก็เลยคิดว่าคงใช่ แต่ทุกอย่างมันยังไม่แน่นอน อายุครรภ์ยังน้อยมาก จนเราไปหาคุณหมอทุกอาทิตย์ทำให้แน่ใจว่ามีตัวอ่อนมาแล้วนะ และตั้งครรภ์จริงๆ”
เห็นบอกว่าท้องลูกชายคนที่สองนี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเสี่ยงต่อภาวะแท้ง?
“เป็นภาวะแท้งคุกคาม คือมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ในอายุของสัปดาห์ค่อนข้างน้อย เลยต้องอยู่นิ่งๆ ต้องนอนนิ่งๆ ในโรงพยาบาลสามวัน นอนนิ่งๆ อยู่กับบ้านอีกสองอาทิตย์”
ทำไมถึงรู้ว่ามีภาวะเสี่ยงแท้ง?
“มีเลือดออก ตอนแรกเราก็โอเคมีประจำเดือน แต่เดี๋ยว เรามีประจำเดือนไม่ได้ เราท้อง ตกใจแบบ หู้ย... โมเม้นท์นั้นกังวลสุดๆ เลยว่าเขาจะอยู่กับเราไหม ลูกจะเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นกับลูก รีบไปโรงพยาบาลเลย คุณหมอก็รีบอัลตร้าซาวด์ เช็คหัวใจ เช็คน้อง ปรากฏน้องแข็งแรงดี คุณหมอเลยบอกว่าน่าจะเป็นภาวะภายในนอก อาจจะเป็นเส้นเลือดฝอยบางจุดมันมีการเปราะ มีการแตก และมีเลือดซิบออกมา ทำให้เลือดออกได้ แต่อาจจะมาจากภาวะความเครียดด้วย พักผ่อนไม่พอด้วย เพราะนุ้ยเองก็เลี้ยงลูกเต็มเวลา บวกกับที่ช่วงนั้นรดาเองก็ไม่สบาย ต้องอุ้มบ่อย อุ้มให้นอนเพราะน้องเป็นหวัด ถ้านอนราบก็จะไม่สะดวก ก็ต้องอุ้มเขาพาดบ่า บางทีเกือบทั้งคืน มันเลยอาจทำให้หลายๆ อย่างประกอบกันจนมีภาวะเสี่ยงเกิดขึ้น คุณหมอจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเราต้องดูแลตัวเองแล้วนะ เพราะลูกคนนี้ต้องการเราคนเดียว แต่อย่างน้องรดาคงต้องยอมให้คนอื่นช่วยบ้างค่ะ”
ตอนนี้ถือว่าโล่งขึ้นไหม?
“ตอนนี้โล่งขึ้นค่ะ เพราะน้องแข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไรนะคะ แต่เขาก็อยู่ในตัวเราอยู่ดีเนอะ ก็ยังต้องกังวลว่าดิ้นไหมนะ ดิ้นเยอะไป หรือดิ้นน้อยไป หรือไม่ดิ้น คือมันก็ยังมีความกังวล เราก็ต้องดูทุกๆ ไตรมาสอยู่ดี เขาอยู่ในตัวเรา เรามองไม่เห็น ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปอัลตร้าซาวด์ดู มันก็ดูได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีค่ะ ก็ต้องะวังตัวหน่อย จะเห็นว่าช่วงนี้นุ้ยก็ต้องมีคนคอยช่วยดูแลรดา ไปไหนก็จะมีคนคอยอุ้ม คอยช่วย แต่ก่อนจะไปไหนมาไหนเองคนเดียว นุ้ยจะเป็นคนดูแลเองร้อยเปอร์เซ็นต์ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ต้องมีคนอื่นมาช่วยแล้ว ทำเองไม่ได้ คุณหมอบอกว่าถ้าอุ้มจะยืนอุ้มไม่ได้ ต้องนั่งอุ้ม”
แสดงว่าต้องพยายามนอนนิ่งๆ ตลอด?
“เป็นในช่วงนั้น ช่วงที่เลือดออกใหม่ๆ ก็ต้องนอนอยู่กับเตียงคนไข้เลย 3 วัน หมอไม่ให้ลุกไปไหน ล็อคตัวเราด้วยการให้น้ำเกลือ ทุกกิจกรรมต้องอยู่บนเตียงตลอด นอนอย่างเดียว แล้วตอนนั้นก็แพ้ท้องด้วย ท้องอืด แล้วต้องนอนอยู่นิ่งๆ คือถ้าเราเดินกระเพราก็จะได้เคลื่อนบ้างเนอะ อย่างน้อยๆ ก็ยังโล่งหน่อย แต่นี่ต้องนอนนิ่งๆ ท้องก็อืด คลื่นไส้ กินอะไรไม่ค่อยได้ แล้วกังวลลูกอีก มันหลายอย่างมาก”
ตอนท้องน้องรดา เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้ไหม?
“ไม่เคยเลย รดานี่แฮปปี้มาก วิ่งงานเช้า กลางวัน เย็นเลยจ้า อันนั้นคือคล่องตัว แข็งแรงมาก ก็เลยถามหมอว่าเกี่ยวกับวัยไหม หมอก็บอกอะไร เพิ่งห่างกันไม่กี่ปีเอง แค่ปีเดียวเอง มันไม่ใช่”
แบบนี้จะเสี่ยงต่อการมีน้องคนที่สามหรือเปล่า?
“ไม่ๆ ไม่มีอะไรเลย มันเป็นแค่ภาวะช่วงนั้นถ้าเราดูแลได้ คือในเคสของนุ้ยนะที่คุณหมอเช็คแล้วว่าไม่ได้มีเนื้องอก ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เป็นแค่เส้นเลือดฝอยปรินิดนึง คุณหมอก็บอกว่าไม่เกี่ยว”
ขอบคุณที่มา : http://news.sanook.com/2318286/