วัคซีนบาดทะยักในหญิงตั้งครรภ์
สมัยก่อน มีสตรีตั้งครรภ์จำนวนมาก ที่คลอดเองที่บ้าน ใช้ไม้รวก หรือกรรไกรที่ไม่สะอาด ตัดสายสะดือ จึงทำให้ ทารกที่เกิดมาเป็นบาดทะยัก การแก้ปัญหา ก็เลยใช้วิธี ให้วัคซีนบาดทะยัก ในสตรีตั้งครรภ์ทุกคน ถ้าคลอดเอง หรือ การตัดสายสะดือไม่สะอาด ภูมิคุ้มกันบาดทะยักจากมารดาจะส่งผ่านมายังทารก และปกป้องลูกน้อยได้ ไม่ให้ทารกเป็นบาดทะยัก
ในสมัยนั้น การให้วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในเด็ก ก็ยังไม่ค่อยได้รับกัน ต่อมาเมื่อมี คอตีบ ระบาดในผู้ใหญ่ ก็เลยแถม คอตีบ กับ บาดทะยัก ในสตรีตั้งครรภ์ไปด้วย โดยให้วัคซีนในคนท้อง 2 เข็ม และหลังคลอด อีก 1 เข็ม ทำแบบนี้ทุกท้อง
ในปัจจุบันนี้ การให้วัคซีน คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในเด็ก เราให้มาตั้งแต่ปีพ. ศ. 2520 หรือจะเรียกว่าสตรีตั้งครรภ์ เกือบ ทุกคนควร ได้รับวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เมื่อวัยเด็กมาแล้ว ยกเว้นคนที่อายุเกิน 40 แล้วตั้งท้อง และการคลอด ยังคลอดในโรงพยาบาลที่สะอาด ดังนั้น การกระตุ้นเข็มเดี่ยว ด้วยวัคซีนคอตีบและบาดทะยัก ก็น่าจะเพียงพอ และอีกประการหนึ่ง โอกาสที่จะคลอดเองที่บ้าน มีน้อยมาก
ปัจจุบัน ไอกรน ก็เป็นปัญหาเดียวกับบาดทะยัก ถ้ามารดาไม่มีภูมิคุ้มกันต่อ ไอกรน เด็กเกิดมา ในช่วง 2 เดือนแรก ถ้าติดเชื้อไอกรน จะมีโอกาสเสียชีวิตได้ ดังนั้น การให้ วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในสตรีตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็น เพื่อปกป้องลูกน้อย ทั้งต่อโรคบาดทะยัก และป้องกันโรคไอกรน ในกรณีที่ได้รับเชื้อในช่วง 2 เดือนแรก และเป็นการกระตุ้นโรคคอตีบ ให้มารดามีภูมิสูงตลอดเพื่อป้องกันไม่ให้มารดาเป็นโรคคอตีบ
ในทางปฏิบัติ ควรเลิกฉีดวัคซีน คอตีบ บาดทะยักจำนวน 3 เข็ม ในสตรีตั้งครรภ์ เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องให้ถึง 3 เข็ม เปลี่ยนมาเป็น การให้วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เพียงเข็มเดียว ในขณะที่มารดาตั้งครรภ์ได้ 30 สัปดาห์ ก็จะเกิดความคุ้มค่า มากกว่าการฉีดแบบเดิม 3 เข็ม อย่างแน่นอน ทั้งต่อตัวแม่ และทารกที่จะเกิดขึ้นมา
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่
2. อาหารบำรุงครรภ์ตลอด40สัปดาห์
3. ยาบำรุงครรภ์ลดความพิการของทารก
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
ขอบคุณข้อมูล : ศาสตราจารย์นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ