อาการแพ้ต่างหู
อาการแพ้ต่างหู เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีความรุนแรง อาจมีอาการปวดเล็กน้อยและคันตามบริเวณรูหู ซึ่งการเจาะหูเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้นี้ขี้น ไม่ว่าจะเจาหูตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่งก็สามารถมีอาการแพ้ต่างหูได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต่างหูเป็นเครื่องประดับเสริมบุคลิกภาพ ที่สร้างความมั่นใจและทำให้การแต่งตัวของเราโดดเด่นมากขึ้น แต่เมื่อมีอาการแพ้ต่างหูเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้มีอันตรายที่อาจลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง ก็คงต้องทำใจและรักษาให้เป็นปกติก่อนจะกลับไปใส่เช่นเดิม
อาการแพ้ต่างหู เกิดจากอะไร
การแพ้ต่างหู เป็นโรคที่ไม่รุนแรง มีสาเหตุมาจากวัสดุที่นำมาสวมใส่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง วัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตต่างหู คือโลหะนิกเกิล ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยให้ต่างหูมีความแข็งแรง มันวาว นอกจากนั้นเรายังพบในหัวเข็มขัด กระดุม นาฬิกา ซิป หรือกรอบแว่นตาบางอันอีกด้วย อาการแพ้ต่างหูที่เกิดขึ้น มีลักษณะการแพ้แบบ Cell Mediated Immune Response เมื่อเราสัมผัสกับสารนั้น ๆ บริเวณผิวหนังจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกกระตุ้น ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง หรือที่เราเรียกว่าอาการแพ้นั่นเอง ในช่วงแรกอาจจะยังไม่มีอาการเด่นชัด แต่เมื่อสัมผัสซ้ำ ๆ ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะถูกกระตุ้นเรื่อย ๆ จนเราสังเกตได้ว่ามีผื้นขึ้นบริเวณนั่น ๆ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นต่างหูที่ทำจากทอง เงิน หรือทองแดง
วิธีดูแลรักษาเมื่อมีอาการแพ้ต่างหู
อย่างที่บอกไป อาการแพ้ต่างหู มักไม่ส่งผลรุนแรง แต่เมื่อมีอาการบวดแดงจนผิดสังเกต อาจเป็นไปได้ว่าเกิดการติดเชื้อ โดยปกติอาการบวมแดงจะเกิดหลังจากการเปลี่ยนต่างหูหรือเจาะหูใหม่ไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากเกิดการติดเชื้อ มักมีเลือดออก หรือหนองไหลออกมาอาจมีสะเก็ดแผลเกิดรอบ ๆ รูหู ในบางคนอาจมีไข้ร่วมด้วย หากใครกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ ดังนี้
ใช้ยาลดอาการคันและอาการอักเสบ ทั้งนี้ต้องในแพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้ โดยเฉพาะยารับประทานเพื่อลดอาการคัน
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารเคมี โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองใด ๆ ต่อบริเวณที่มีอาการแพ้ต่างหู หรือบริเวณใกล้เคียง หลีกการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้อาการหนักขึ้น
ป้องกันการแพ้ต่างหูได้อย่างไร
ต่างหูเป็นอาวุธคู่กายสำหรับหลาย ๆ คน เนื่องจากเป็นเครื่องประดับที่ส่งเสริมให้การแต่งตัววันนั้นดูสะดุดตา ซึ่งมีหลากหลายขนาดให้เราเลือก และมีสันสวยงามและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลว่าต้องการใส่แบบไหน ดังนั้นการป้องกัน ก่อนจะเกิดอาการแพ้ต่างหู เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเกิดขึ้นมาแล้ว คงอดใส่ต่างหูไปอีกนาน ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.เลือกใส่ต่างหูที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ
จากการสำรวจพบว่า วัสดุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้มากที่สุดคือ นิกเกิล เพราะฉะนั้นควรหันไปใส่ต่างหูที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ แทน เช่น ทอง เงิน ทองเหลือง หรือพลาสติก
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัส
เนื่องจากมือเป็นอวัยวะที่ผ่านมลภาวะมากมาย และในบางครั้งเราอาจเผลอไปหยิบจับสิ่งของโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้ล้างมือ ทำให้เมื่อสัมผัสกับต่างหู โดยเฉพาะบริเวณก้าน และแป้นหมุน อาจเกิดการติดเชื้อและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้
3.หลีกเลี่ยงการใช้ต่างหูในวันที่ออกกลางแจ้ง
เนื่องจากการปฏิบัติกิจกรรมการแจ้งเป็นเวลานาน จะทำให้สารนิกเกิลในต่างหูละลายออกมา เมื่อสัมผัสกับผิวโดยตรง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง นำไปสู่อาการแพ้ในขั้นถัดไป
4.ฆ่าเชื้อก่อนใส่
เพราะเราไม่รู้เลยว่าต่างหูของเราอาจมีสิ่งสกปรกหมักหมม หรือมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ การฆ่าเชื้อก่อนใส่ จะทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าต่างหูของเราสะอาดและปลอดภัย โดยให้ใช้สำลีหรือกระดาษทิชชู่ชุบแอลกอฮอล์ 70% แล้วนำมาเช็ดรอบต่างหู โดยเน้นที่บริเวณก้านและตัวแป้น
5.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหู
สามารถใช้วาสลีนหรือโลชั่นยี่ห้อต่าง ๆ ได้เลย ความชุ่มชื้นจะช่วยให้อาการระคายเคืองทุเลาลง เพราะฉะนั้นควรทำทุกครั้งก่อนใส่ต่างหู
6.ทำความสะอาดใบหูเป็นประจำ
โดยเฉพาะคนที่เจาะหูหลายรู การทำความสะอาดใบหูเป็นประจำ จะช่วยลดสิ่งสกปรกที่อาจสะสมได้ตามซอกของใบหู เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ เมื่อเกิดอาการระคายเคืองหรือการแพ้ขึ้น
อย่างไรก็ตามใบหูคือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย โดยมีหน้าที่ในการฟังสิ่งต่าง ๆ รอบตัว การเจาะหูเพื่อความสวยงามไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์และการแสดงออกถึงความเป็นตัวตน ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ หากเกิดอากาแพ้ต่างหูขึ้นมา ในช่วงแรกคนมักไม่สนใจว่าเป็นอาการแพ้ เนื่องจากอาการแพ้ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน ในบางคนมีแค่อาการคันเท่านั้น เมื่อปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายไป แต่เมื่อใดที่เริ่มมีอาการปวด บวมแดง มีเลือดและหนองไหลออกมา รู้ไว้เลยว่านี้คืออาการแพ้รุนแรง หากมีไข้ร่วมด้วย ต้องรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาอาการต่อไป
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1.เช็คด่วน! คุณมีอาการแพ้ครีมหรือไม่ ควรทำอย่างไรเมื่อเกิดการแพ้
2.สารก่อแพ้ในน้ำนม"เบต้าแลคโตกลอบบูลิน"
3.6 วิธีรักษาสิว กำจัดสิวอักเสบ ทำแล้วเห็นผลเร็วทันใจ
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team